วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กาพย์ฉบัง

กาพย์ฉบัง เป็นคำประพันธ์ประเภทกาพย์ บทหนึ่งมีเพียงหนึ่งบาท บาทละ 3 วรรค บังคับจำนวนคำและสัมผัส ไม่มีบังคับเอก-โท หรือครุ-ลหุ กาพย์ฉบังที่กวีนิยมใช้ในวรรณกรรมตั้งแต่โบราณคือ กาพย์ฉบัง 16

ความเป็นมา[แก้]

เคยเชื่อกันว่ากาพย์เป็นคำประพันธ์ที่ดัดแปลงมาจากฉันท์ แต่สำหรับ กาพย์ฉบัง นี้ไม่ปรากฏว่ามาจากฉันท์ชนิดใด และไม่เหมือนกาพย์ชนิดใดในตำรากาพย์ ขณะที่สุจิตต์ วงษ์เทศ ระบุว่ากาพย์ฉบังเป็นฉันทลักษณ์เขมร โดย ฉบัง มีรากจากคำเขมรว่า “จฺบำง” หรือ “จํบำง” (ไทยใช้ว่า จำบัง) แปลว่า รบ, สงคราม แต่กวีเขมรบรรยายฉากสงคราม, เคลื่อนทัพ, สู้รบ ด้วยฉันทลักษณ์ที่เขมรเรียกบทพํโนล(ปุมโนล) แล้วไทยเรียกฉบัง[1]
ในจินดามณีมีข้อความว่า
จ ○○○○○○  ○○○○  ○○○○○○ ฯ 16 ฉบัง
โคลสิงฆฉันท์ ฯ มิได้กำหนด ครุ ลหุ แลนิยมแต่กลอนฟัดกันอย่างกาพย
เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์ก็คือ กาพย์ฉบัง 16 นั่นเอง[2] ส่วนคำว่า โคลสิงฆฉันท์ น่าจะเป็นชื่อวรรณกรรมที่ยกมาเป็นตัวอย่าง
นอกจากนี้ในจินดามณี ยังปรากฏรูปแบบกาพย์ฉบังอีก 2 ชนิด[3] จากที่ระบุว่า
๏ ○○○○○○  ○○○○ ○○○○○○○○ ฯ 18
ชื่อฉันทฉบำดำเนอรกลอน 4
และ
๏  ○○○○○○○   ○○○○○    ○○○○○○ ฯ 18
ฉันทฉบำดำเนอรกลอน 5 ฯ
เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์เป็นกาพย์ฉบัง 18 แต่การจัดวรรคต่างกัน คำว่าดำเนอรกลอน 4 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 4 ของวรรคที่สอง และดำเนอรกลอน 5 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 5 ของวรรคที่สองนั่นเอง

ฉันทลักษณ์[แก้]

กาพย์ฉบัง 16[แก้]

หนึ่งบทมี 16 คำ 3 วรรค วรรคละ 6 - 4 - 6 คำตามลำดับ บังคับสัมผัสท้ายวรรคแรกกับวรรคที่สอง สัมผัสระหว่างบทส่งจากท้ายวรรคแรก ไปยังท้ายวรรคแรกในบทต่อไป ดังตัวอย่าง
             ┌───┐
  ○○○○○●   ○○○●

○○○○○●┐
             ├───┐
  ○○○○○●   ○○○●

○○○○○●─┐

๏ นกกดสองสิ่งเสียงหวานไก่เถื่อนอันตรกาน
อเนกในไพรสณฑ์
๏ กวักกว่าเปล้าปล่าโจษจลออกเอี้ยงอลวล
ก็ร้องวางเวงเวหา
๏ ซังแซวเหยี่ยวรุ้งเร้นกาจับจอมพฤกษา
สรหล้ายสรหลมซมกัน
๏ สาลิกาแขกเต้าขานขันบันลิงลายพรรณ
เพียงพบูมแมนเขียน
— มหาชาติคำหลวง กัณฑ์มหาพน
กาพย์ฉบัง เป็นคำประพันธ์ประเภทกาพย์ บทหนึ่งมีเพียงหนึ่งบาท บาทละ 3 วรรค บังคับจำนวนคำและสัมผัส ไม่มีบังคับเอก-โท หรือครุ-ลหุ กาพย์ฉบังที่กวีนิยมใช้ในวรรณกรรมตั้งแต่โบราณคือ กาพย์ฉบัง 16

ความเป็นมา[แก้]

เคยเชื่อกันว่ากาพย์เป็นคำประพันธ์ที่ดัดแปลงมาจากฉันท์ แต่สำหรับ กาพย์ฉบัง นี้ไม่ปรากฏว่ามาจากฉันท์ชนิดใด และไม่เหมือนกาพย์ชนิดใดในตำรากาพย์ ขณะที่สุจิตต์ วงษ์เทศ ระบุว่ากาพย์ฉบังเป็นฉันทลักษณ์เขมร โดย ฉบัง มีรากจากคำเขมรว่า “จฺบำง” หรือ “จํบำง” (ไทยใช้ว่า จำบัง) แปลว่า รบ, สงคราม แต่กวีเขมรบรรยายฉากสงคราม, เคลื่อนทัพ, สู้รบ ด้วยฉันทลักษณ์ที่เขมรเรียกบทพํโนล(ปุมโนล) แล้วไทยเรียกฉบัง[1]
ในจินดามณีมีข้อความว่า
จ ○○○○○○  ○○○○  ○○○○○○ ฯ 16 ฉบัง
โคลสิงฆฉันท์ ฯ มิได้กำหนด ครุ ลหุ แลนิยมแต่กลอนฟัดกันอย่างกาพย
เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์ก็คือ กาพย์ฉบัง 16 นั่นเอง[2] ส่วนคำว่า โคลสิงฆฉันท์ น่าจะเป็นชื่อวรรณกรรมที่ยกมาเป็นตัวอย่าง
นอกจากนี้ในจินดามณี ยังปรากฏรูปแบบกาพย์ฉบังอีก 2 ชนิด[3] จากที่ระบุว่า
๏ ○○○○○○  ○○○○ ○○○○○○○○ ฯ 18
ชื่อฉันทฉบำดำเนอรกลอน 4
และ
๏  ○○○○○○○   ○○○○○    ○○○○○○ ฯ 18
ฉันทฉบำดำเนอรกลอน 5 ฯ
เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์เป็นกาพย์ฉบัง 18 แต่การจัดวรรคต่างกัน คำว่าดำเนอรกลอน 4 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 4 ของวรรคที่สอง และดำเนอรกลอน 5 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 5 ของวรรคที่สองนั่นเอง

ฉันทลักษณ์[แก้]

กาพย์ฉบัง 16[แก้]

หนึ่งบทมี 16 คำ 3 วรรค วรรคละ 6 - 4 - 6 คำตามลำดับ บังคับสัมผัสท้ายวรรคแรกกับวรรคที่สอง สัมผัสระหว่างบทส่งจากท้ายวรรคแรก ไปยังท้ายวรรคแรกในบทต่อไป ดังตัวอย่าง
             ┌───┐
  ○○○○○●   ○○○●

○○○○○●┐
             ├───┐
  ○○○○○●   ○○○●

○○○○○●─┐

๏ นกกดสองสิ่งเสียงหวานไก่เถื่อนอันตรกาน
อเนกในไพรสณฑ์
๏ กวักกว่าเปล้าปล่าโจษจลออกเอี้ยงอลวล
ก็ร้องวางเวงเวหา
๏ ซังแซวเหยี่ยวรุ้งเร้นกาจับจอมพฤกษา
สรหล้ายสรหลมซมกัน
๏ สาลิกาแขกเต้าขานขันบันลิงลายพรรณ
เพียงพบูมแมนเขียน
— มหาชาติคำหลวง กัณฑ์มหาพน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น